เมื่อวันที่ 11 ม.ค.65 เว็บไซต์ซีเอ็นบีซี รายงานว่า นายอัลเบิร์ต บูร์ลา ซีอีโอบริษัทไฟเซอร์ เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ว่า วัคซีนต้านโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนโดยเฉพาะ จะพร้อมใช้ในเดือนมี.ค.นี้ โดยขณะนี้บริษัทเริ่มผลิตวัคซีนตัวดังกล่าวแล้ว
นายบูร์ลา กล่าวว่า วัคซีนดังกล่าวสามารถป้องกันเชื้อสายพันธุ์อื่นๆ ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม นายบูร์ลาระบุว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าวัคซีนต้านโอมิครอนนั้นจำเป็นหรือไม่ และจะถูกใช้อย่างไร แต่จะมีวัคซีนบางส่วนที่พร้อมใช้แน่นอน เนื่องจากหลายประเทศอยากให้วัคซีนพร้อมใช้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ความหวังในตอนนี้คือ หวังจะมีวิธีป้องกันการติดเชื้อที่ดีขึ้น เพราะการป้องกันการเข้าโรงพยาบาล และการป่วยหนักก็เป็นไปได้แล้ว ด้วยวัคซีนที่มีในปัจจุบัน เมื่อฉีดครบ 3 โดส” นายบูร์ลา กล่าว
จากข้อมูลในสถานการณ์จริงของสหราชอาณาจักรแสดงให้เห็นว่า วัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นามีประสิทธิภาพ ในการป้องกันการติดเชื้อโอมิครอนแบบแสดงอาการเพียง 10% หลังจากฉีดวัคซีนวัคซีนเข็ม 2 ราว 20 สัปดาห์ อ้างอิงจากผลศึกษาของหน่วยงานความมั่นคงด้านสุขภาพของสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม วัคซีน 2 เข็มแรกยังสามารถป้องกันการป่วยหนักได้ดี ส่วนวัคซีนเข็มกระตุ้นมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการสูงสุด 75%
ขณะเดียวกันนายแอนโทนี ฟาวซี หัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของทำเนียบขาว กล่าวเมื่อเดือนธ.ค.ว่า ไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้วัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับต้านเชื้อโอมิครอนโดยเฉพาะ เพราะวัคซีนเข็มกระตุ้นที่ใช้ในปัจจุบันทำงานได้ดีอยู่แล้ว
นายบูร์ลา กล่าวว่า ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า วัคซีนเข็มที่ 4 จำเป็นหรือไม่ แต่ไฟเซอร์จะวิจัยเผื่อในกรณีที่เข็มที่ 4 จำเป็น โดยประเทศอิสราเอลที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ให้กับผู้สูงอายุ ผู้มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอและบุคลากรทางการแพทย์แล้วนั้น พบว่าวัคซีนเข็มที่ 4 ช่วยเพิ่มแอนติบอดีสำหรับต้านไวรัสได้ 5 เท่า หลังฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ไป 1 สัปดาห์
อ้างอิง
https://www.khaosod.co.th/covid-19
